Bonjour ทุกคน! วันนี้มี่กลับมากับการรีวิวการสอบ DELF Examen A2 ซึ่งเป็นการสอบวัดระดับภาษาฝรั่งเศสที่เด็กสายศิลป์ฝรั่งเศสส่วนมากจะรู้จักกันนะคะ 🥖 สำหรับปีนี้ มี่ได้กลับมาสอบที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ อีกครั้งนึง หลังจากที่ตอนนั้นเคยมาสอบ DELF Examen A1 แล้วตอนม.4 ปี 2018 (กลับไปอ่านได้ ที่นี่ นะคะ เย้ ^^)
เราสอบเป็นแบบ DELF Scolaire ก็คือตอนนี้มีระดับ A1, A2 และ B1 โดยแต่ละปีจะมีสอบเพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้นคือต้องมาตามวันและเวลาที่ทาง Alliance Française กำหนดเท่านั้นนะคะ
ค่าสอบปี 2019 จะอยู่ที่ 650 บาท (ขึ้นจากตอนที่เราสอบ DELF A1 จาก 600 เป็น 650 บาท) แต่ก็ยังถือว่าถูกกว่าไปสมัครสอบเองที่ Alliance แต่ข้อเสียคือจะได้ผลสอบช้ากว่าค่ะ สอบตอนช่วงกลางเดือนมกราจะได้ผลช่วงสิ้นเดือนมีนาเลย แต่ถ้าสอบเองค่าสอบแพงกว่า (เรท 2,000+) แต่ผลสอบออกใน 14 วันค่ะ มี่หวังว่ารีวิวการสอบครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ในอนาคตนะคะ ถ้ามีคำถามอะไรสามารถส่งมาถามมี่ได้ตลอดนะคะ ❤️
ตอนที่ไปถึงโรงเรียนเตรียมอุดมฯ ป่าป๊าเป็นคนขับมาส่งที่โรงเรียนเลยค่ะ มี่ได้สอบที่ตึก 9 ถามพี่รปภ. เค้าบอกว่าให้ขับมาแถวๆ สนามบอลเลยค่ะ แต่ว่าถ้าไม่แน่ใจถามพี่เค้าอีกรอบก็ได้ค่ะ พี่เค้ายินดีบอกทางแน่นอนค่ะ ตรงตึก 9 จะมีจุดสังเกตคือศาลาไทยๆ หน่อยตรงฝั่งซ้ายของด้านหน้าตึก ส่วนภาพที่เห็นคือด้านหลังของตึกที่เราจะต้องมาดูบอร์ดแผนผังห้องสอบและชื่อของตัวเองเพื่อสอบตอนบ่ายค่ะ
ถ้าใครไม่รู้หรือไม่ได้จดพวกแผนที่นั่งสอบมาตอนที่คุณครูที่ดูแลการสอบของแต่ละโรงเรียนส่งให้ อยากมาดูเพื่อความแน่ใจให้มาดูตรงนี้อีกที แต่ทางที่ดีทำแบบมี่ดีกว่าค่ะ คือดูมาเลยว่าสอบอะไรยังไงที่ห้องไหน เราเลขรหัสอะไร เราสอบพูดกี่โมง รอบไหน จดมาให้ครบไปเลยค่ะ
มี่คิดว่าการจดกระดาษไว้แบบนี้มันดีมากๆ เพราะเราไม่ต้องเสียเวลาหาห้องอีกรอบ และมันสะดวกต่อการพกพาด้วยค่ะ ❤️ ถ้าไม่อยากวุ่นวายก็จดมาดีกว่านะ 😁
กฎของการสอบ DELF Scolaire คือเราต้องใส่ชุดนักเรียนมาให้ถูกระเบียบพร้อมบัตรประชาชนค่ะ เครื่องเขียนแนะนำให้หยิบเฉพาะที่จะใช้ก็พอนะคะ ส่วนตอนที่มี่สอบมี่ไม่ได้เอากาวไปและไม่ได้ใช้กาวเลยค่ะ หลักๆ เราพกปากกาน้ำเงินไป 3 แท่งเผื่อมันเขียนไม่ติด, ลิขวิดน้ำ 2 แท่งเพราะอีกอันใกล้หมดแล้วส่วนดินสอยางลบไม่ต้องเอาไปก็ได้นะคะ
สักพักช่วงประมาณ 9.15 น. ทางโรงเรียนจะใช้ประกาศเสียงตามสายให้ผู้สอบขึ้นอาคารและไปที่ห้องสอบของตัวเองเลย ด้วยความที่เราใช้ ID เก่าจาก DELF A1 สมัครมาทำให้เราพลัดพรากจากเพื่อนชั้นเดียวกันไปหมดเลย 55555 และในห้องนั้นมีแค่เราที่มาจากโรงเรียนนั้นที่เหลือเป็นเด็กเตรียมอุดมฯ หมดเลย รู้สึกตลกมากเพราะทุกคนดูงงๆ ว่าเรามาทำอะไรที่นี่ มีเพื่อนคนนึงเลยถามเราว่าโรงเรียนเธอส่งเธอมาสอบคนเดียวหรอ 555555 เราเลยตอบว่าไม่ใช่ เราใช้ ID เก่าของ DELF Examen A1 เลยทำให้เราเป็นคนเดียวที่ได้มาสอบในห้องนี้ ก็คือเราคือคนอันดับต้นๆ ของจำนวนหลายร้อยคนอะจ้า 😂 ถ้าคุณครูประจำห้องเรียกเกินเลขที่เราไปแล้วให้ต่อแถวสุดท้ายนะ รอให้ทุกคนเข้าไปให้หมดก่อนแล้วเราค่อยเข้าไปทีหลัง ไม่ต้องตกใจกลัวว่าจะไม่ได้สอบนะ ขอแค่มาก่อน 9.30 น. ก็พอจ้า
ปล. ไม่ควรกระชั้นชิดไปนะ มันจะกดดันมากว่าจะทันหรือไม่ทัน
หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ในห้องประมาณ 10 นาที จะมีเสียงตามสายบอกว่าขอทดลองลำโพงคือเปิดภาษาฝรั่งเศส 2 รอบก่อน แล้วครูจะให้เช็คว่าซองไม่มีการเปิดมาก่อนโดยให้นักเรียน 2 คนเป็นคนเช็คแล้วค่อยแจกข้อสอบไว้ เรายังทำไม่ได้จนกว่าจะมีเสียงตามสายอีกรอบว่าสามารถเริ่มทำข้อสอบได้แล้ว
ระหว่างนั้นครูจะเตือนว่าห้ามเปิดข้อสอบก็คือห้ามเปิดนะ ต้องรอจนกว่าเค้าจะสั่งให้เปิดเท่านั้น เรานั่งรอต่อประมาณ 5 นาทีได้ ถึงจะได้เริ่มเปิดเพื่อทำข้อสอบ มันจะมีเสียงครูไทยบอกอีกรอบว่า "สามารถเปิดข้อสอบได้แล้วครับ" ในห้องสอบมีผู้คุมสอบ 2 คนจ้า
🥁เริ่มสอบ 3 พาร์ทแรก: พาร์ทฟัง, พาร์ทอ่านและเขียน (แบ่งเวลาเอง) 📝
🎧 การฟัง 25 นาที (25 คะแนน) :
การฟังของ DELF จะดีตรงที่เราสามารถฟังซ้ำได้ 2 รอบ ทำให้เก็บที่ตกหล่นได้ดีกว่าครั้งเดียว
จะคละๆ กันไป มีทั้งแบบเขียนตอบว่ามันคืออะไร (qu'est ..., quand)/แบบดูรูปภาพ 3 รูปแล้วกาอันที่ถูกต้องที่สุด/แบบกาข้อที่ถูก 3 ข้อ (ประโยค)และการจับคู่โยงเส้น
1. เรื่องเกี่ยวกับนิทรรศการหนังสือที่ห้องสมุด:
จะเกี่ยวกับว่างานนี้คืออะไร, สำหรับเด็กอายุเท่าไหร่ถึงเท่าไหร่, จัดขึ้นที่ไหน เป็นรูปภาพ, ประกาศหาผู้ชนะวันที่เท่าไหร่
2. เรื่องการทำเค้ก:
ใช้แป้งกี่กรัม, ใส่ผลไม้อะไรบ้าง, ให้กินคู่กับเครื่องดื่มอะไร, เวลากินให้ระวังอะไร, ใช้อุณหภูมิเท่าไหร่ในการอบเค้ก
3. เรื่องกฎของรัฐบาลฝรั่งเศสที่ห้ามเอาโทรศัพท์มาในโรงเรียน:
ห้ามใช้โทรศัพท์ตอนไหนบ้าง, รัฐบาลสนับสนุนให้ทำอะไรในเวลาว่าง (เล่นกีฬา), ต้องเก็บโทรศัพท์ไว้ที่ไหน, ห้ามใช้โทรศัพท์ที่ส่วนไหนของโรงเรียน (ชอยส์)
4. เป็นการจับคู่ Dialogues 4 อัน (8 คะแนน) อันนี้ง่ายสุดและคือพาร์ทโกยคะแนน
เกี่ยวกับหลักๆ คือ
1. โปรเจคเรื่อง Vacances (มี keywords คำว่า Canada, Montreal)
2. อธิบายคนที่เห็น (มีคำว่า la petite fille)
3. ให้คำแนะนำว่าควรทำอะไรบ้าง (suggestions)
4. ปฏิเสธการไปปาร์ตี้ (je suis désolé.....)
📖 การอ่าน (25 คะแนน) : คิดว่าพาร์ทนี้คือพาร์ทที่ง่ายที่สุด เพราะว่าเราสามารถวนไปอ่านได้เรื่อยๆ และของ DELF จะเป็นการไล่คำตอบไปเรื่อยๆ จะไม่มีการสลับนั่นนี่ เพียงแต่ต้องหาคำตอบให้เจอว่าอยู่ตรงไหน แค่นั้นเอง สำหรับการตอบก็จะมีเขียนตอบปกติ/Multiple Choices/จับคู่ annonce กับประโยคที่ให้มาและเขียน Vrai ou Faux ถ้าผิดก็ต้องแก้ให้ถูก ถ้าถูกอยู่แล้วไม่ต้องแก้อะไรเลย (เหมือนของ Monsieur Bernard โคตรๆ 555555555555 เค้าสอนหลายโรงเรียนไม่เป็นไร อิอิ) อันนี้คืออันที่เราเจอตอนที่สอบนะ: 1. เกี่ยวกับ annonce กิจกรรมในโรงเรียนว่ามีอะไรบ้าง เป็นการจับคู่อย่างเดียว:
จะมีกิจกรรมแบบ théâtre (acteurs), beaux-arts (peindre), musique (chanteurs), foreign languages by watching films, sportive (กีฬา) 2. เกี่ยวกับการปิคนิคกับเพื่อนบ้าน (des voisins):
ว่าจะจัดขึ้นที่ไหน (le petit parc), จะจัดขึ้นวันที่เท่าไหร่ (23 juin), ในบทความนั้นเชิญใครมา (une voisine), ควรเอาอะไรพกมาด้วยบ้าง (un boisson) 3. เกี่ยวกับ Règlement de la piscine:
กฎการใช้สระว่ายน้ำว่าสระว่ายน้ำข้างนอก (extérieure) เปิดให้ใช้ตอนไหนบ้าง, มีอะไรขายเกี่ยวกับการว่ายน้ำที่แคชเชอร์ (bonnet = cap), ควรขึ้นจากสระว่ายน้ำตอนกี่โมง (15 นาทีก่อนปิด 18.00 = 17.45) 4. เกี่ยวกับหิมะตกหนักมาก Cet hiver ที่ les Alpes: ถามเกี่ยวกับว่าทำไมถึงเป็นปัญหา (เพราะหิมะตกหนักมากต่อเนื่องกันไม่หยุดเป็น 5 วันแล้ว), รถไม่วิ่งแต่ห้างเปิด (vrai ou faux ซึ่งผิด เพราะจริงๆ แล้วปิดหมด), นักท่องเที่ยวที่ไปทำอะไรกันตอนนั้นที่หิมะตก (เขียนตอบ), การเดินทางลำบากใช่มั้ย (ในบทความใช้รูปปฏิเสธเป็น n'est pas facile แต่ในโจทย์เป็น est difficile ซึ่งแปลว่าถูก เพราะเป็น synonym กัน), กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไปอะไรกับทีมตัวเอง (อ่านหนังสือ, ไปทำกิจกรรม, ดูวิดีโอ)
📝 การเขียน (25 คะแนน) : - ขั้นต่ำการเขียนอันนี้คืออันละ 60 คำทั้ง 2 อัน ถึงจะไม่โดนตัดคะแนนเรื่องที่เขียนคำไม่ครบ - การสอบอ่านกับสอบเขียนใช้เวลาร่วมกัน แล้วแต่ว่าเราจะแบ่งเวลาของเรายังไงดี ถ้าถนัดทำอันไหนมากกว่าให้ทำอันนั้นก่อน จะได้ทำออกมาได้คะแนนดีๆ ✍️ Task 1 : เกี่ยวกับเขียนจดหมาย scolaire voyage ไปหาเพื่อนคนฝรั่งเศส (un ami français) ว่า defin d'année ไปทำอะไรมาที่ไหนบ้าง ไปกับใคร ไปตอนไหน ประทับใจที่ไหน เราเขียนไป 125 คำ
🍦อันนี้คือผิดพลาดมหันต์มาก เพราะเข้าใจว่า scolaire คือ horaire (อ่านผิด 😢) เราเลยตอบไปประมาณว่า เราไปเที่ยวฝรั่งเศสมา ไปปารีสกับตูลูสกับครอบครัว (ชิบมาก แบบเพื่อนเราก็ตอบ ma famille ;_;) ไป les invalides, la Louvre มา แต่ชอบ la joconde มาก เพราะชอบงานศิลปะ ส่วนตอนไป Toulouse ได้ไปที่ Airbus compagnie ซึ่งตื่นเต้นมากเพราะว่าชอบเครื่องบิน และจะชวนเพื่อนที่อยู่ฝรั่งเศสมา Toulouse ด้วยกันในปี 2021 จะกลับไปด้วยกันอีกรอบนึง ✍️ Task 2 :
เกี่ยวกับการขอบคุณเพื่อนชื่อ Louis ที่เชิญเราไปดูการแสดงเต้นที่โรงเรียนสอนเต้น แล้วชวนเราว่าจะไปมั้ยในวันพุธนั้น แต่เราต้องปฏิเสธเพราะมีนัดอื่นแล้ว และอธิบาย activities ที่เราจะทำ เราเขียนไป 89 คำ 🍦 อันนี้เราก็เขียนไปประมาณว่าขอบคุณนะที่เชิญมา เรารู้สึกดีใจมากเลยที่มาชวนเรา แต่เรามีนัดกับน้องสาวเราแล้ว เพราะน้องสาวเราสอบได้คะแนนดี เลยพาไปเที่ยวเป็นรางวัล จะพาไปว่ายน้ำด้วยกัน แต่เราก็เขียนไปว่าไว้โอกาสหน้าเราจะไปด้วยนะ ขอโทษจริงๆ ที่รอบนี้ไม่สามารถไปด้วยได้ ;_;
สำหรับพาร์ทพูดคือเขียนไว้ตรงความรู้สึกแล้วนะ มันไม่ตายตัวอะ มันต้องใช้ความรู้สึกมากกว่า 😉
ความรู้สึกระหว่างตอนที่กำลังสอบ DELF Examen A2 🤔
🎧 พาร์ทฟัง: ช่วงแรกๆ ตามไม่ทันเยอะมากๆ แต่ที่รู้ๆ คือถูกตรงพวกที่กากบาทรูปภาพแน่ๆ เพราะเราเข้าใจ 5555 ส่วนอีกอันคือ exercise 4 ที่จับคู่กัน มันง่ายมากเหมือนเป็นพาร์ทช่วยกอบกู้คะแนนเลยค่ะ ตรงนี่คงถูกหมดเพราะว่าระหว่างฟังเราจด keywords ไปตรงกระดาษข้างล่างที่ว่างๆ ด้วย และได้ recheck 2 รอบจึงค่อนข้างจะมั่นใจหน่อยว่าถูกแน่ๆ 8 คะแนนค่ะ
💡คิดว่าพาร์ทนี้คงได้ประมาณ 12-13 คะแนนหรือมากกว่านั้น
📖 พาร์ทอ่าน: อันนี้ถนัด เพราะว่าคำถามกับคำตอบมันจะไล่ๆ กันลงมา จะไม่มีแบบลงมาตอบอันนี้ก่อนแล้วไล่ไปตอบอันนี้ๆ ข้างบน คือมันเรียงมา เลยทำให้อ่านจับใจความง่ายมาก และบทความที่ได้ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป (ต้องขอบคุณ Monsieur Bernard ที่สอนพวกเรามาดีจริงๆ ค่ะ 555555 กลายเป็นของ DELF นี่ง่ายไปเลย เพราะอ่านบทความศัพท์ยากๆ ของเมอซิเออร์มาแล้ว) พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่รู้สึกว่าทำข้อสอบแล้วสนุกมาก เพราะมี่เข้าใจและทำได้พอดี
💡คิดว่าพาร์ทนี้คะแนนจะอยู่ที่ 20++ แต่ถ้ามีข้อผิดพลาด มี่คิดว่าไม่น่าจะลงไปน้อยกว่า 17 นะคะ
📝 พาร์ทเขียน: คือไม่โดนหักคะแนนเรื่องเขียนคำไม่ครบแน่นอน เค้าขอ 60 คำขั้นต่ำทั้ง 2 tasks แต่มี่เขียนบทความแรกไป 125 คำและบทที่ 2 อีก 89 คำ มีแอบพลาดตรง task 1 ที่มันเป็น scolaire voyage แต่เราดั้นนนนไปตอบว่าเราไปกับครอบครัวซะอย่างงั้น ;_; แต่ไม่เป็นไร ผิดกันระนาว 555 เพราะอั้มเพื่อนในห้องมี่ก็เขียนว่า avec ma famille 👨👩👧👧//เราจะไม่ตายโดยลำพัง แต่ขอให้ครูเค้าไม่หักคะแนนเยอะๆ แล้วกัน ส่วนการเขียนก็พยายามดึงศัพท์กับ tense ต่างๆ ที่พอจะเขียนได้ในอดีตมาช่วยแล้ว
💡คิดว่าน่าจะได้คะแนนตรงที่ 15++ ส่วนจะมากหรือน้อยกว่านี้แล้วแต่บุญและกรรมที่ทำมาแล้วกานนนน 😓
🗣 พาร์ทพูด: ตอนพูดนี่เหมือนกลายเป็นคนแคนาดาแล้วค่ะ พูดภาษาอังกฤษปนกับภาษาฝรั่งเศส ฮือออ คือเข้าใจคำถามหมดเลยนะคะว่าเค้าถามอะไร แต่จะคิดตอบเป็นภาษาอังกฤษตลอดเลย นึกฝรั่งเศสไม่ทันค่ะ ;_; แต่มี่เข้าใจหมดเลยว่าอาจารย์เค้าพยายามถามอะไร
อันไหนที่คิดภาษาฝรั่งเศสไม่ออกคือมี่เอาภาษาอังกฤษทับศัพท์แต่ออกเสียงเป็นภาษาฝรั่งเศสไปเลยค่ะ ;_; (Quebecoise, Quebecer ไปอีก) คิดว่าพาร์ทนี้ผ่าน ให้คะแนนอยู่ที่ 10++ แล้วกันค่ะ ไม่กล้าหวังสูงกว่านี้ กลัวจะผิดหวังมากๆ อาจารย์ที่คุมสอบรอบนี้โอเคมากๆ ค่ะ คุยด้วยแล้วไม่รู้สึก nervous เหมือนตอนที่สอบ A1 รอบแรก ถึงแม้จะพูดไม่ค่อยได้เยอะมาก แต่มี่ก็พยายามจะตอบอาจารย์และพยายามสื่อสารกลับไปค่ะ
ตอนพาร์ท 2 ที่ได้เกี่ยวกับฤดูที่ชอบตอบไปว่าชอบ printemps (spring) เพราะว่ามันถ่ายรูปสวยดี ใบไม้จะสีปนๆ กันระหว่างสีเขียวๆ กับสีสดใส ทำให้นึกถึงตอนที่เคยไป Canterbury ถ้าถ่ายรูปมาลง IG จะสวยมากๆ และคิดว่ากรรมการคงชอบเหมือนกัน
อาจารย์ตอนเล่นบทบาทสมมุติเป็นเพื่อน ใน speaking topic ที่ 3 ช่วยเยอะมากๆ เหมือนพูดประโยคให้ยาวๆ แล้วพยายามให้มี่ repeat ตามว่าจะเอายังไงดี เพราะตอนนั้นมี่จับได้ว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้แม่ดี มีแว่นกันแดด, กระเป๋าถือที่มือ, ช่อดอกไม้, น้ำหอม, ชุดเดรสและกำไลข้อมือ สนุกมากๆ ตอนสอบกับอาจารย์ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้รู้สึกกดดันมากเพราะอาจารย์คอยยิ้มให้ตลอดแล้วตั้งใจฟังเรามากๆ สำเนียงอาจารย์ดีมากๆ แทบไม่ติดสำเนียงไทยเลยแต่ไม่พูดเร็วแบบคนฝรั่งเศสซึ่งดีมาก เพราะไม่งั้นคงฟังไม่ทัน 55555
📚 คิดว่าคะแนนรวมน่าจะเรทประมาณ 58 จาก 100 หรือมากกว่านั้น ยังไงก็เชื่อว่ามันต้องผ่านแน่ๆ เพราะว่าเราพอทำได้ทุกพาร์ทให้มันเกิน 5 คะแนนหมดโดยเฉพาะพวก Written Exam (Listening, Reading, Writing) คือตั้งใจทำมากๆ เต็มที่ที่สุดแล้ว มันดีที่สุดแล้วอะ คะแนนมันจะออกมายังไงเราก็ไม่เสียใจเลยเพราะเรารู้ว่าเราตั้งใจทำมันให้ดีที่สุดไปแล้ว ส่วน Speaking แล้วแต่อาจารย์จริงๆ ว่าจะให้เราประมาณที่เท่าไหร่ แต่เราว่ามันคงไม่แย่น้อยกว่า 10 เพราะรอบที่เราสอบ A1 เรา anxious มาก แบบพูดแล้วกลัวอะ ตัวสั่น ไม่กล้าพูด ไม่กล้าตอบ เราก็ได้มา 15 แต่รอบนี้เราว่ามันดีกว่ารอบที่แล้วมากๆ เพราะเราพยายามพูด พยายามตอบอาจารย์เค้า แต่เราไม่กล้าหวังให้คะแนนมันมากกว่า 10 เพราะเรากลัวว่าตัวเองจะผิดหวังถ้ามันไม่ออกมาเป็นแบบนั้น
🥳 รีวิวการสอบ DELF Examen A2 จากเพื่อนๆ ในห้อง 😉
คืออย่างงี้นะ ในห้องเราและโรงเรียนเราสายฝรั่งเศสมันมี 3 วิชาคือภาษาฝรั่งเศส, ภาษาฝรั่งเศสฟัง-พูดและภาษาฝรั่งเศสอ่าน-เขียนอยู่แล้ว ไอ้เพื่อนๆ ที่มาสอบรวมถึงตัวเราเองมันเลยแบบสมัครจ่ายเงินค่าสอบแล้วรอวันที่เค้าเรียกมาสอบละสอบแบบด้นสดไม่เตรียมตัวงั้นอะ คะแนนเลยไม่ได้ดีเด่ (เออ ดีเด่ ไม่ใช่ดีเด่น) อะไรมาก เน้นสอบผ่านและชิวๆ พอ 555555 น้องคนไหนอยากได้คะแนนสวยๆ สูงๆ หรูๆ จึงควรหาแบบฝึกหัดทำเพิ่มเติมบนอินเตอร์เน็ต (อันนี้พี่ลองหาเล่นๆ ดูละว่าน่าจะเวิร์ค ไปที่นี่ กับ ที่นี่) คือพี่ยืนยันนะ นอนยันด้วย ไม่เตรียมตัวไปแต่พื้นฐานมีพอสมควรหรือดียังไงมันก็สอบผ่าน (แต่คะแนนไม่สวยนะ อิอิ) เพราะตัวคะแนนแต่ละพาร์ทผ่านคือ 5 แต่ต้องรวมทุกพาร์ทให้ถึง 50 คะแนน แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับคนที่พื้นฐานไม่ดี ไม่ตั้งใจเรียนในห้อง สอบกี่รอบก็ตกตลอดนะ ถือว่าเตือนน้องๆ แล้วนะคะ 😅 ตัวอย่างแบบพวกพี่ไม่ควรเอามาเป็นแบบอย่างเด้ออออออ (แต่ถ้ายังจะเสี่ยงก็ตามสบายเลยนะ 5555)
👩🏻 รีวิวจากอั้ม, เพื่อนที่พอสนิทคนหนึ่งในห้องฝรั่งเศส :
- คิดว่าพาร์ทที่ง่ายที่สุด ?
🥖 สำหรับตัวเองก็น่าจะเป็นพาร์ท อ่าน-เขียน เพราะแบบมันมีเนื้อหาเรื่องมาให้อ่านๆละก็แปลให้เข้าใจ คำถามก็ถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่อ่าน คำตอบก็อยู่ในเรื่อง อาจจะไม่ต้องเขียนให้ภาษามันสวยมากมาน แค่เขียนให้มันอ่านแล้วเข้าใจและถูกต้องก็พอ
- พาร์ทที่ยากที่สุด ?
🥖น่าจะพูด เพราะมันต้องพูดตัวต่อตัว พูดสดคิดสด อาจจะมีเวลาให้คิดบ้างแต่ก็ไม่มาก ทุกอย่างต้องคิดเองหมดเลย บวกกับความตื่นเต้นกดดัน เลยคิดไม่ออก สับสน ทำให้ความมั่นใจลดลง ก็เลยจะดูยาก รู้สึกเหมือนต้องต่อสู้กับตัวเองด้วย
- คิดว่าจะได้คะแนนประมาณเท่าไหร่ ?
🥖คิดว่าสอบผ่านคะแนนเต็ม 100 ก็น่าจะอยู่ประมาณ 50-60 แหละ
- ตอนสอบ 4 สกิลเป็นยังไงบ้าง ?
🥖ตอนสอบ 4 สกิลก็มีทั้งอันที่ทำได้ละก็ทำไม่ได้ อย่างพาร์ทฟังก็ได้เป็นบางจุด จุดที่ฟังคีย์ออกก็จะได้ พาร์ทอ่านเขียนรู้สึกว่าน่าจะได้มากกว่าพาร์ทอื่นๆ ก็มีเขียนตอบตามที่เราเข้าใจ เขียนไปตามที่เราคิดเอง พาร์ทพูดก็ได้แบบงูๆปลาๆ พอไปรอดบ้าง
- ตอนสอบพูดได้ 2 หัวข้อได้อะไรบ้าง ?
🥖ตอนแนะนำตัวก็พูดเรื่องทั่วไป ชื่ออะไร ชอบอะไร เรียนอยู่ที่ไหน ครอบมีกี่คน มีใครบ้าง
1. ชอบกินของหวานอะไร เพราะอะไร มีส่วนผสมอะไร กินในโอกาสอะไรบ้าง ที่บ้างใครทำอาหารอร่อยสุด
2. จะเลือกซื้อของขวัญอะไรให้แม่
- อยากฝากอะไรไว้ให้คนที่จะมาสอบในอนาคตบ้าง ?
🥖ก็อยากฝากไว้ให้ลองมาสอบดู เราอาจจะคิดว่าไปก็ไม่เห็นได้อะไรทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังได้มีประสบการณ์ ได้เปิดโลกให้กับตัวเอง ละก็จะได้ลองดูว่าเราสามารถทำแต่ละพาร์ทได้มากน้อยขนาดไหน ประเมินตัวเอง อาจจะไม่ต้องคิดจะทำเพื่อให้ได้คะแนนดีก็ได้ แต่ทำเพื่อจะได้รู้ความสามารถของตัวเอง ถ้าเกิดได้คะแนนดีก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่มีความพยายามก็โอเคแล้ว
- ได้เตรียมตัวสอบอะไรบ้างมั้ย ?
🥖ก็มีลองเปิดวิดีโอฟัง ปริ้นท์ข้อสอบเก่ามาทำดู
- ความรู้สึกตอนก่อนสอบ,กำลังสอบและหลังสอบ ?
🥖ความรู้สึกก่อนสอบก็มีตื่นเต้นบ้างกังวลนิดหน่อย กลัวข้อสอบจะยากเกินไป กลัวทำไม่ได้ นึกคำศัพท์ไม่ออก ระหว่างสอบก้กัวจะทำไม่ทัน ละก็มีกังวลนิดนึงว่าหน้าต่อไปจะเจอไรบ้าง แต่พอสอบเสร็จก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ยากเท่าที่เราคิดไว้ ก็สบายใจขึ้นกว่าก่อนสอบ
--- ขอบคุณรีวิวจากนุ้งอั้มมากๆ จ้า ---
🍑 รีวิวจากพีช, เพื่อนที่สนิทมากในห้องฝรั่งเศส (อยู่กลุ่มเดียวกัน) :
- คิดว่าพาร์ทไหนง่ายที่สุด เพราะอะไร ?
🍑 พาร์ทอ่าน-เขียน เพราะ มันได้อ่านเองแล้วก็แค่ตอบตามคำถามเป๊ะๆ คำตอบก็อยู่ในบทความ
- พาร์ทไหนยากที่สุด เพราะอะไร ?
🍑 สอบฟัง เพราะพูดค่อนข้างเร็ว ส่วนตัวคือเราฟังไม่ออก จับได้แค่บางคำ ยากมาก ต้องฟังเยอะๆ หาหนังดูแล้วก็เปิดศัพท์ฝรั่งเศสด้วยก็ดี ะได้รู้ศัพท์กับสำนวน
- คิดว่าจะสอบผ่านได้คะแนนประมาณเท่าไหร่ ?
🍑น่าจะได้เกินครึ่ง แต่อาจจะไม่ถึง 70
- ตอนสอบทั้งหมด 4 สกิลพอจะทำได้มั้ย ?
🍑 ฟัง (แย่สุด) พูด (ทำได้เยอะอยู่) อ่าน (ทำได้เยอะอยู่) เขียน (ได้ปานกลาง)
- ตอนสอบพูด ได้หัวข้ออะไรบ้าง 2 หัวข้อ แนะนำตัวถึงกรรมการว่ายังไงบ้าง ?
🍑 แนะนำตัว :
ชื่อ อยู่โรงเรียนอะไร พ่อแม่ ทำงานอะไร
อันนี้พูดน้อยไป เขาเลยต่อให้ว่ามีสัตว์เลี้ยงมั้ย ชื่ออะไร งานอดิเรกคืออะไร
พูดได้หัวข้อ :
1. ถ้าพรุ่งนี้วันเกิดแม่จะซื้ออะไรไปให้แม่ (มีตัวเลือกมาให้) เพราะอะไร
ตอนพูด กรรมการจะถามด้วยว่าทำไมไม่เลือกส่วนที่เหลือ แล้วก็กรรมการจะรับบทเป็นคนขายเราก็ต้องตอบคำถามตามที่เขาถาม
2. ที่โรงเรียนมีก่ีคาบ มีอะไรบ้าง ชอบวันไหนในการไปโรงเรียนมากที่สุด เพราะอะไร
อันนี้ก็แค่ตอบในถูกตามนี้พอ
- อยากฝากอะไรถึงน้องๆ พี่ๆ หรือเพื่อนๆ ที่จะมาสอบในอนาคตบ้าง ?
🍑 ก็สู้ๆ ดูหนังเยอะๆ ฟังเยอะๆ ดูศัพท์ไปเขียนพาร์ทเขียนเยอะๆ
- ได้เตรียมตัวอะไรมาบ้าง ?
🍑 ไม่ได้เตรียมเลย เพราะนั่งทำการบ้าน แต่ดู DELF A2 ใน YOUTUBE นิดหน่อย
- ความรู้สึกตอนก่อนสอบ, กำลังสอบ และหลังสอบเป็นไงบ้าง ?
🍑 ก่อนสอบ ไม่รู้สึกอะไร จะบอกว่าตื่นเต้นมั้ย ก็ไม่นะ เพราะยังไงก็ต้องเจออยู่ดี
🍑 กำลังสอบ ไม่มีเวลาให้คิดอะไร ต้องตั้งใจทำอย่างเดียว
🍑 ตอนกลางวันระหว่างรอสอบพูดก็ฟังเพื่อนๆซ้อมพูดแนะนำตัวไปเรื่อยๆ
🍑 หลังสอบ ก็รู้สึกสบาย มีความสุข ไม่ต้องกังวลแล้ว
ปล. ตอนสอบเสร็จ ไม่ต้องเครียดมากว่าเราทำได้เยอะ น้อย ไม่ต้องเช็คคำตอบ ถ้าลองตรวจดูกะเพื่อนแล้วเราไม่เหมือนเลย เราจะรู้สึกแย่เอาเปล่าๆ ตั้งใจทำให้มากที่สุด เต็มความสามารถ อย่าเสียใจในสิ่งที่เราทำ ถ้าเราได้คะแนนน้อยก็ทบทวนบ่อยๆ สู้ๆนะะะ 👍🏼💞
ความเห็นส่วนตัวของมี่ : คือเป็นเพื่อนสนิทพีชมา 3 ปีเห็นจะได้ ก็... พีชเป็นคนปลงๆ เกือบทุกอย่างในชีวิตอยู่แล้ว ฟีลแบบมีอะไรก็ช่างแม่*ไปให้หมด อันนี้อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ช่างแม่* มันเลยจะดูแบบหลุดโลกความเป็นจริงหน่อย มันปลงแล้วอะ คือไปอีกขั้นนึงแล้วในขณะที่เรายังแบบเสียใจดีใจอะไรงี้ 55555 ใครอยากได้แนวคิดปลงๆ ควรอ่านรีวิวของพีชมากๆ 5555555
--- ขอบคุณรีวิวจากพีชน้อยโคนัน ---
รีวิวผลสอบและคะแนนสอบ DELF Examen A2 ของมี่
(Updated: 18 July 2020) มี่เพิ่งจะได้รับผลสอบมา 2 ใบนะคะ ใบนึงเป็นใบประกาศนียบัตรหน้าตาแบบนี้และอีกใบเป็นใบแจ้งผลคะแนนค่ะ เพิ่งไปเอาใบมาสด ๆ ร้อน ๆ ที่โรงเรียนเลยจ้า
เห็นคะแนนแล้วดีใจมากกกก เกินกว่าที่คาดหวังไว้เยอะเลยทีเดียวค่ะ 🥳
ก็คือผลสอบออกมาแล้วนะคะ มี่ได้ 73 จาก 100 คะแนนค่ะ
Note FInale: 73/100
Écrit Compréhension: 18.50/25
Écrit Production: 18.00/25
Oral Compréhension: 18.00/25
Oral Production: 18.50/25
คะแนนคือ 18 รัว ๆ 555555 เป็นปรากฎการณ์ที่น่าทึ่งอย่างมากก็คือคะแนนเท่ากันเกือบหมดทุกพาร์ท 5555 ไม่มีพาร์ทไหนเด่นเลยคือเท่ากันหมด 😂 ตามนั้นน้า มี่เอาผลสอบมาลงไว้ให้แล้วน้า
ตอนเห็นผลสอบคือดีใจมาก ๆ เลยยยยย ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่าดีใจโพด!!!! 🥳
(Updated: Sat 4 July 2020) คือปีนี้มันติดโคโรน่าไวรัส คะแนนเต็มของเราทั้งแบบ overall และคะแนนแต่ละพาร์ทอีก 4 ส่วนมันเลยยังไม่ออกมา ออกมาแค่ตามในภาพคือ admis (ผ่านเกณฑ์คะแนนรวมเกิน 50, แต่ละพาร์ทมากกว่า 5 คะแนน) กับ non admis (ไม่ผ่านเกณฑ์คะแนน อาจจะได้รวมถึง 50 แต่สอบตกพาร์ทได้ต่ำกว่า 5 คะแนนหรือคะแนนทุกพาร์ทผ่านหมดแต่รวมแล้วไม่ถึง 50 คะแนน)
สำหรับมี่นั้น มี่สอบผ่านค่ะ ^^ (admis) ผลคะแนนทั้งใบแจ้งคะแนนและใบประกาศนียบัตรอยู่ข้างบนแล้วนะ ❤️
⭐ งั้นเราขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่จะสอบในอนาคตเตรียมตัวมาดีๆ ได้คะแนนสวยๆ นะ เราเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้น่ะแหละ ❤️🥰
สำหรับใครที่ไปสอบมาแล้วอยากช่วยกันเขียนรีวิวบ้างให้เขียนและส่งมาที่เมลของมี่ที่ askmiemimimi@gmail.com มาได้เลยนะคะ ถ้ามีรูปด้วยจะดีมากๆ แต่เบลอหน้าและข้อมูลตัวเองด้วยนะ เรายินดีรับรีวิวของทุกๆ คนที่อยากแชร์ให้คนอื่นอ่านน้าาาา 😍
สำหรับใครที่มีคำถาม ต้องการติดต่อเรา (แต่เราไม่มีข้อสอบเก่านะ เพราะไม่ได้เตรียมตัวเท่าไหร่)
- ใครที่มีคำถามหรืออยากให้ใส่ข้อมูลอะไรเพิ่มในนี้ บอกกันได้นะคะ
- Facebook Page: Askmiemasi (click) ฝากกดไลก์เพจกับโพสต์ และกดแชร์บล็อคที่ชอบด้วยนะคะ
- Twitter: @askmiemimimi (click) ติดตามหน่อยนะคะ จะรีทวิตหรือกดหัวใจก็ได้ค่ะ
- Instagram: askmiemasi_th (click) ขอฟอลมาก่อนนะคะ ถึงจะรับฟอลและ direct มาได้ค่ะ
ช่วงนี้อาจจะมีตอบช้าหรือตอบไม่ทันใจลูกเพจบางคนนะคะ
ช่วงนี้เราไม่ค่อยอยากเข้ามาเช็ค social media บ่อย ๆ แล้วค่ะ เราคุยกับใครแล้วเรารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย รู้สึกว่าคนเหล่านั้นดึง energy เราไปเยอะมากบอกไม่ถูก ขอทำอะไรที่รู้สึกสบายใจก่อนนะคะ แล้วอาจจะกลับมา active กว่านี้ค่ะ ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ 🥰วันที่อัพบล็อค: 1 กุมภาพันธ์ 2020
วันที่อัพเดท: 18 กรกฎาคม 2020
รักทุกคนที่เข้ามาอ่าน คนอ่านรู้ทุกคนรู้ อิอิ ขอบคุณมาก ๆ ดีใจนะที่เข้ามาอ่านกัน :)
- มี่ เดีย(ช่า) -
ปล. preferred name อะ รู้จักมั้ย 5555
コメント